โรค NCDs คร่าชีวิตทั่วโลก 43 ล้านคนต่อปี! ภาครัฐ-ปชช. เสนอ 3 แนวทางลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร

Thursday, 7 August 2025 – 12:27

โรค NCDs คร่าชีวิตทั่วโลก 43 ล้านคนต่อปี! ภาครัฐ-ปชช. เสนอ 3 แนวทางลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร

โรค NCDs คร่าชีวิตทั่วโลก 43 ล้านคนต่อปี ภาครัฐ-แพทย์-ภาคประชาชน ผนึกกำลังเสนอ 3 แนวทางใหญ่ลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร หวังหยุดวิกฤตโรค NCDs ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เสนอภาษีโซเดียม ฉลากสีสัญญาณไฟจราจร และสอนอ่านฉลากตั้งแต่ประถม หลังพบเด็กไทย 90% บริโภคโซเดียมเกินเกณฑ์ แถม 10% มีภาวะความดันสูง

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2568 ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานแถลงข่าว “มาตรการลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร” โดยมี รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม  รศ.นพ.ขวัญชัย ไพโรจน์สกุล ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นายธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนาด้วย

รศ.นพ. สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวถึง “มาตรการลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร” ว่า ในปี 2564 โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกอย่างน้อย 43 ล้านคน ซึ่งเท่ากับ 75% ของการเสียชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคระบาด โดยโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อ (NCDs) รองลงมาคือมะเร็ง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง และเบาหวาน (รวมถึงการเสียชีวิตจากโรคไตที่เกิดจากเบาหวาน)

สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ รสชาติหวาน มัน เค็มจัด ในประเทศสหรัฐอเมริกา การศึกษาสุขภาพประชากร พ.ศ. 2561 สำรวจประชากรเด็กอายุ 5-18 ปี ตรวจพบความดันเลือดสูงร้อยละ 5.5 และ มีภาวะโรคอ้วนร้อยละ 19.5

ซึ่งข้อมูลล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMANetworkOpen ทำการศึกษาการสารวจสุขภาพและโภชนาการแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NHANES) ระหว่างปี 2551 ถึง 2566 ในกลุ่มตัวอย่างในเด็กอายุ 2 ถึง 18 ปี มีการประเมินสุขภาพและโภชนาการผ่านแบบสอบถาม การตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่า ความชุกของโรคอ้วนในเด็กเพิ่มขึ้น โดยภาวะโรคอ้วนรุนแรงมาก มีการเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 253.1% ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมาและพบว่าโรคอ้วนในเด็กมีความสัมพันธ์กับภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไขมันพอกตับที่สัมพันธ์กับความผิดปกติของระบบเผาผลาญ (MASLD), เบาหวานชนิดที่ 2, ไขมันในเลือดผิดปกติ และความดันโลหิตสูง ส่วนในประเทศไทยมีผู้ป่วยผู้ใหญ่โรค NCDs จานวนมากเช่นกัน ได้แก่ โรคไตกว่า 8 ล้านคน ความดันโลหิตสูงถึง 13 ล้านคน และเบาหวานกว่า 5.2 ล้านคน

ผลเสียของการบริโภคโซเดียมมากเกินไปในเยาวชน

ด้าน รศ.นพ. ขวัญชัย ไพโรจน์สกุล สาขาวิชาโรคไต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงผลเสียของการบริโภคโซเดียมมากเกินไปในเยาวชนว่า พฤติกรรมการบริโภคของเด็กไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สามารถเข้าถึงอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงง่ายขึ้น พฤติกรรมดังกล่าวจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันเลือดสูง

การศึกษาในต่างประเทศพบว่าเด็กที่มีภาวะความดันเลือดสูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดในอีก 20 ปีต่อมา โดยมีความเสี่ยงสูงจะเสีชีวิตขึ้นประมาณ 2-3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่มีภาวะความดันเลือดสูง สำหรับข้อมูลในประเทศไทย การศึกษาสุขภาพประชากรไทยโดยการตรวจร่างกาย (Thai National Health and Examination Survey) ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2562-2563 ได้สำรวจประชากรเด็กไทยอายุ 10-19 ปี จำนวนกว่า 4,000 ราย พบว่า ร้อยละ 90 บริโภคโซเดียมเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ที่แนะนำ และร้อยละ 10 ตรวจพบความดันเลือดสูง

นอกจากนี้ การศึกษายังพบความสัมพันธ์ของความดันเลือดที่สูงขึ้นคู่ไปกับการบริโภคโซเดียมที่สูงขึ้น หมายถึง การบริโภคโซเดียมยิ่งมากจะตรวจพบความดันเลือดสูงยิ่งสูงขึ้นไปด้วย 

ดังนั้น ถ้าสามารถรณรงค์เพื่อลดปริมาณการบริโภคโซเดียมในเด็กไทยอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่สังคมควรให้ความสำคัญเพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนของภาวะความดันเลือดสูงในเด็กเหล่านี้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ดังนั้นเป็นโจทย์ที่สำคัญมากว่าจะทำอย่างไร โดยมองว่าสามารถเริ่มต้นที่ครอบครัว เช่น แม่สร้างพฤติกรรมให้ลูกเข้าถึงอาหารที่มีโซเดียมน้อย พยายามไม่ซื้อกักตุนอาหารไว้ที่บ้าน  รศ.นพ. ขวัญชัย กล่าว

ด้านนายธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การแถลงข่าวในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของโครงการสำรวจข้อมูลโภชนาการในผลิตภัณฑ์อาหารในปี พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นการติดตามสถานการณ์โซเดียมในกลุ่มขนมขบเคี้ยว กลุ่มอาหารแช่เย็น-แช่แข็ง และกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานและติดตามการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ที่เคยนำมาสำรวจตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2564 ในปีนี้ยังเน้นย้ำเช่นเดิมคือให้ผู้บริโภคหันมาอ่านฉลากกันแบบจริงจังก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ทุกวันนี้โรค NCDs เกิดขึ้นกับประชาชนคนไทยสูงมากเนื่องจากการบริโภคโซเดียมเกินปริมาณที่องค์การอนามัยโลกกำหนด

ในข้อมูลจากผลสำรวจ ทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้รวบรวมปัญหาหลายๆด้านออกมาเป็นข้อเสนอดังนี้

ข้อเสนอต่อผู้บริโภค 1)เพื่อให้ผู้บริโภคต้องอ่านฉลากโภชนาการก่อนตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เพื่อลดภาวะเลี่ยงเกิดโรค NCDs  โดยไม่เลือกบริโภคตามสิ่งสวยงาม ควรเลือกดูโซเดียมว่าบางชนิดไม่สามารถทานในมื้อเดียวได้  เลือกรับประทานอาหารตามความเหมาะสมต่อวัน ข้อเสนอต่อผู้ประกอบการ 1) ให้ผู้ประกอบการลดปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร 2) ให้ผู้ประกอบการจัดทำฉลากให้ผู้บริโภคเห็นชัดเจนเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่าย และ 3) กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทต้องมีฉลาก GDA

และที่สำคํญคือข้อเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐ 

1) ให้เกิดการแก้ไขกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการลดปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร

2) สนับสนุนให้เกิดมาตรการของรัฐเกี่ยวกับการเก็บภาษีโซเดียม เน้นสร้างแรงจูงใจในการปรับสูตรอาหารในทางธุรกิจ 

3) ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผลักดันฉลากสีสัญญาณไฟจราจร เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในเรื่องการอ่านฉลาก

4) ผลักดันให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุหลักสูตรเรื่องการอ่านฉลากให้กับเด็กตั้งแต่ระดับประถมศึกษา (สุขภาพดีแต่วัยเด็ก)

 5) ให้มีมาตรการควบคุมการโฆษณาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก

6) ให้มีกฎหมายควบคุมเพดานปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์ มองว่าถ้าเข้มงวดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศจะสามารถทำให้ปริมาณโซเดียมไม่เกินได้

7) ให้ภาครัฐสนับสนุนและชดเชยสินค้าประเภทลดโซเดียม 

8) กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทมีฉลาก GDA เพราะอาหารบางชนิดมีแต่ฉลากโภชนาการ 

เว็บไซต์สมาคมเพื่อนโรคไตฯ: https://www.kfat.or.th/สอบถามข้อมูล โทร 02-2483735 ต่อ 124
facebook : เพจ สมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูล : hfocus
ที่มา : hfocus
v
v
v
ด้วยความปรารถนาดีจากสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย
ขอคำปรึกษาได้ที่นี่ !